ทัวร์จอร์แดนพาเที่ยว พาท่านๆไปชมความสวยงามพร้อมทั้งอลังการ ณ เมืองอควาบา อย่างแน่นอน ไปเที่ยวกับทัวร์จอร์แดน ทั้งที่มีหรือเปล่าจะน่าจะช่วยให้คุณๆไม่สมหวัง วันนี้ขอพาไปชมน้ำจิ้มจุดไฮไลท์ในเมืองอควาบากันซะก่อน
• วิหารเฮอร์คิวลิส ที่สันนิษฐานว่าน่าจะคงจะถูกสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 161–180 ในสมัยโรมันพระราชวังเก่าอุมเมยาด สร้างขึ้นไปในประมาณปี ค.ศ. 720 โดยผู้นำชาวมุสลิมของราชวงศ์ ในสมัยมุสลิมได้เข้ามา ปกครองประเทศจอร์แดนซึ่งภายในประกอบห้องสร้างงาน, ห้องรับแขก ฯลฯ ผ่านชม พระราชวังของพระมหากษัตริย์อับดุลลาห์ที่สอง (RAGHADAN PALACE),ที่ตั้งอยู่บนภูเขามี ทำเลที่สวยงามหลากหลายที่สุดในกรุงอัมมานพร้อมด้วยมีทหารเฝ้าคอยเฝ้าช่วยดูแลตรวจตราอย่างเข้มงวด
• น้ำพุใจกลางเมือง (NYMPHAEUM) สร้างในราวปี ค.ศ. 191 เพื่อจะอุทิศแด่เทพธิดาแห่งขุนเขา ซึ่งคือที่ยกย่อง ของชาวเมืองแห่งนี้ มีที่พ่นน้ำคือรูปหัวสิงโตทั้งเจ็ด พร้อมทั้งตกแต่งอีกด้วยเทพต่างๆ ประจำซุ้มด้านบนของน้ำพุ ฯลฯ
• ปราสาทคารานา ทำขี้นเพื่อที่จะใช้คือที่อยู่อาศัยของกองคาราวานที่หยุดพักอาศัยระหว่างการเดินทางภายใน ประกอบด้วยห้องพักอาศัยจำนวน 61 ห้อง แบ่งเป็น 2 ชั้น พร้อมกับยังมีคอกที่อยู่อาศัยของม้า พร้อมด้วยอูฐ
• นครเจอราช (JERASH) หรือว่า “เมืองพันเสา”เป็นอดีตกาล 1 ใน 10 หัวเมืองเอกตะวันออกอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมันสันนิษฐานว่าเมืองนี้น่าจะอาจถูกสร้างใน ราว 200 – 100 ปีก่อนคริสตกาลเดิมทีในอดีตเมืองแห่งนี้ชื่อว่า ในปี ค.ศ. 749นครแห่งนี้ได้ถูกแผ่นดินไหว ครั้งใหญ่ทำลายพร้อมกับถูกฝังกลบโดยทรายหลังจากนั้นก็ได้สูญหายไปเป็นนับพันปี
• ป้อมอาซรัก สร้างขึ้นโดยหินภูเขาไฟสีดำทั้งหลายในสมัยโรมันป้อมแห่งนี้ได้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เป็นคือศูนย์บัญชาการกองทัพของชาวอาหรับในสมัยนั้น นำโดยนายทหารชาวอังกฤษทีอี ลอเรนท์ หรือว่า ที่ชาวโลก รู้จักกันในนามของ ลอเรนท์ ออฟอาระเบียในการทำ ศึกสงครามโลกอาหรับ (THE ARABREVOLT ใน ระหว่างปี ค.ศ. 1916–1918)เป็นการต่อสู้ของชาวอาหรับที่คัดค้านการเข้ามารุกรานแผ่นดินของชาวออตโตมัน
• ทะเลเดดซี (Dead Sea)หรือ ทะเลสิ้นชีวิต (อังกฤษ: Dead Sea; อาหรับ: البَحْر المَيّت, อัลบะฮฺรุ อัลมัยยิต,ฮีบรู: יָם הַמֶּלַח, ; ยัม ฮาเมลาห์ (ทะเลเกลือ)) คือทะเลสาบน้ำเค็มที่มีความเข้มข้นของเกลือสูงหลายๆ อยู่ระหว่างเขตจอร์แดนพร้อมทั้งอิสราเอล ระดับน้ำอยู่ต่ำที่สุดในบรรดาทะเลทั้งหมด กล่าวคือต่ำกว่าระดับน้ำทะเลปานกลางลง ไปอีกประมาณ 400 เมตร ตอนเหนือคือของจอร์แดน ตอนใต้แบ่งเป็นของจอร์แดนและอิสราเอล แต่หลังสงครามอาหรับอิสราเอล กองทัพอิสราเอลยังยังครอบครอบบริเวณฝั่งตะวันตกทุกอย่างอยู่ ทะเลเดดซีอยู่ระหว่างเทือกเขายูเดียที่ด้านเหนือ พร้อมด้วยที่ราบสูงทรานสจอร์แดนที่ด้านตะวันออก แม่น้ำจอร์แดนจะคงจะไหลจากทางเหนือมายังทะเลเดดซีนี้ ซึ่งมีความยาว 80 กิโลเมตร พร้อมกับมีความกว้างถึง 18 กิโลเมตร ส่วนพื้นที่นั้น 1,020 ตารางกิโลเมตร แหลมอัลลิซาน (แปลว่า ลิ้น) แบ่งทะเลสาบด้านตะวันออกเป็นสองส่วน ตอนเหนือใหญ่กว่า ล้อมรอบอาณาเขต 3/4 ของพื้นที่ทั้งหมด ส่วนความลึกนั้นประมาณ 400 เมตร แอ่งตอนเหนือนั้นเล็ก พร้อมทั้งตื้น (ลึกประมาณ 3 เมตร) ในสมัยที่วาดคัมภีร์ไบเบิล จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 8 อาณาเขตบริเวณตอนเหนือแค่นั้นที่มีผู้อยู่พัก พร้อมกับระดับน้ำต่ำกว่าในสมัยนี้ 35 เมตร ทะเลเดดซี (Dead Sea) เป็นทะเลที่อยู่ต่ำที่สุดในโลก และคือสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศชาติจอร์แดน เพราะมีความเค็มระดับสูง ส่งผลให้ทุกคนที่ลงไปในทะเลไม่มีวันจม จะอาจลอยอยู่ตลอดเวลา
Category Archives: Travel
3 เขตการท่องเที่ยวพิเศษบนเกาะบาหลี
ถึงแม้ว่าผมจะคงจะตัดบุโร พุทโธออกไปจากเส้นทางการทัวร์บาหลีของผมตามทีแค่เชื่อไหมครับว่าบาหลีนั้นเขาคงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่พิเศษมากหลายแห่งต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาทัวร์บาหลีไม่ว่าจะคงจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบเดินเล่นกินบรรยากาศ สถานที่พิเศษทางศาสนาหรือเปล่าสถานที่ท่องเที่ยวสมัยใหม่เรียกว่ามาทัวร์บาหลีที่เดียวสามารถพบได้ทุกสไตล์ครับผม
การแบ่งสถานที่ท่องเที่ยวของบาหลีนั้นหากผมยึดตามซอฟต์แวร์ทัวร์มาตรฐานทั่วไป เขาจะน่าจะแบ่งสถานที่ท่องเที่ยวออกคือ 3 เขตกว้างๆ อีกด้วยกันเช่นว่าเขตการังกาเสม เขตกลุงกุงและเขตเจ็มบานา โดยแต่ละเขตนั้นก็จะจะมีของดีต่างๆนาๆ กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป
ในเขตการังกาเสมนั้นผมสามารถเยี่ยมชมสถานสถานเก่าแก่อันมีชื่อเสียงของอินโดนีเซียพร้อมด้วยของบาหลีเช่นวัดเบซากีห์, เทงกะนัน, วังเตียร์กากังกา, กุหนุงกาวี พร้อมทั้งท่าเรือปาดังไบบาหลี
ส่วนในเขตกลุงกุงนั้นเราสามารถไปเยี่ยมชมวัดถ้ำช้าง, พระราชวังทามันกิลี, พิพิธภัณฑ์ศิลปะ, ติฮิงกัน, หมู่ที่อยู่กามาสันพร้อมทั้งเกาะนูซาเปนิดา
เขตสุดท้าย เขตเจ็มบานา เราสามารถชมอุทยานแห่งชาติบาหลีตะวันตก, และอ่าวกิลิมานุก
นอกจากทั้งสามเขตอันเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตที่นอกเหนือไปจากบุโร พุทโธแล้วก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวย่อยๆ อีกมากที่นักท่องเที่ยวสามารถคิดวิเคราะห์ท่องเที่ยวได้ตามรสนิยมใจ เป็นต้นว่าในเขตบังลีที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติทั้งภูเขาไฟพร้อมทั้งทะเลสาบหรือไม่เขตต่างๆ บริเวณใกล้เคียง เหล่านี้เป็นต้น
เห็นไหมครับผมว่าที่บาหลีนั้นไม่ได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวกระจอกเลยเรียกได้ว่าถ้าจะคงจะเที่ยวบาหลียุติทุกแห่งยังย่อมอยู่ที่นี่ไม่ต่ำกว่าสัปดาห์อย่างแน่นอน จนกระทั่งใครที่คิดจะก็จะมาทัวร์ที่นี่จึงควรติดตั้งแผนพร้อมด้วยจัดเวลาในการเที่ยวให้ดีฮะ
สถานที่ท่องเที่ยวในอิสตันบูลที่คุณไม่ควรพลาด
ทัวร์ตุรกีของเราจะพาท่านไปเที่ยวต่อที่เมืองอิสตันบูล อยากรู้จริงๆว่าเมืองแห่งนี้มีมนต์เสน่ห์อะไร ใครๆถึงได้มาเที่ยวกันบ่อยๆ งั้นก็ต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวท่านเองแล้ว
เมืองโบราณเฮียราโปลิส (Hierapolis) ในอดีตเป็นสถานที่บำบัดโรค ก่อตั้งโดยกษัตริย์ยูเมเนสที่ 1แห่งแพร์กามุม ในปี 190 ก่อนคริสต์กาล สถานที่แห่งนี้มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นหลายครั้งหลังปี ค.ศ 1334 จึงไม่มีคนอาศัยอยู่อีก ศูนย์กลางของเฮียราโปลิสเป็นบ่อน้ำที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ในโรงแรมปามุกคาเล สถานที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ปามุกคาเล โรงอาบน้ำโรมันซากโบสถ์สมัย ไบแซนไทน์ และ ฐานวิหารอะพอลโล โรงมหรสพโรมัน เป็นต้น
อัฟโฟรดีซิอัส (Aphrodisias) หรือ เกย์เร (Geyre) ย้อนไปตั้งแต่ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล ในตอนต้นของยุคโลหะ แต่เมืองเริ่มสร้างเมื่อช่วง 100 ปีก่อนคริสตกาล เพื่ออุทิศให้วีนัส และชื่อของเมืองได้มาจากอโพรได (Aphrodite) หรือ วีนัส (venus) เทพีแห่งความงามและความบริบูรณ์
บอตตีเชลล ีวาดภาพวีนัสหรืออะโพรไดต์จากมหากาพย์ที่เล่าขานกันว่า เธอถือกำเนิดมาจากฟองคลื่นของท้องทะเล (Aphros มาจากภาษากรีก หมายถึง ฟองคลื่น) ภาพหญิงสาวเปลือยเปล่ายืนบนเปลือกหอย เรือนผมสีทองปลิวสยายไปกับสายลม โดยมีเซไฟร์ (Zephyr) เทพแห่งสายลมพัดพาเธอไปยังเกาะไซปรัสก่อนพาขึ้นเขาโอลิมปัส (Olympus) ประเด็นการเลือกอะโฟรไดต์เป็นเทพีประจำเมืองนั้น นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า มาจากประเพณีบูชาเทพเจ้าเพื่อร้องขอความอุดมสมบูรณ์จากธรรมชาติ โดยเฉพาะด้านเกษตรกรรมเพื่อให้พืชผลงอกงาม และด้านกสิกรรมเพื่อให้สัตว์เลี้ยงตกลูกได้มาก เมื่ออัฟโฟรดีซิอัสตกเป็นของไบแชนไทน์ วิหารวีนัสได้ถูกเปลี่ยนเป็นโบสถ์คริสต์ ต้นศตวรรษที่ 19 นักโบราณคดีชาวอิตาลีและฝรั่งเศสเข้ามาทำการสำรวจ และมีการสำรวจอีกครั้งภายหลังเกิดแผ่นดินไหวในปี ค.ศ. 1956 โดยสหรัฐอเมริกาและตุรกีเอง ทำให้ค้นพบโบราณสถานมากมายดังที่เห็นในปัจจุบัน
โบราณสถานสร้างอย่างมีศิลปะ ที่ไม่น่าพลาดชมคือ โรงละครโบราณสมัยเฮเลนนิสติก วิหารของเทพีวีนัส ผู้เป็นเทพธิดาประจำเมือง สนามแข่งม้าอายุราว 2,000 ปี ที่จุผู้ชมได้มากถึง 30,000 คน และโรงอาบน้ำฮาเดรียน (Baths of Hadrian) ในยุคโรมันเมืองนี้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนฝึกสอบการแกะสลัก
ภาษาลาวพาเพลิน
เพื่อจะคนที่เคยไปทัวร์ลาวมาแล้วยังไม่มีใครปฏิเสธว่าภาษาลาวนั้นมีความคล้ายกับภาษาอีสานของบ้านเรือนผมเยอะแยะถึงเยอะแยะที่สุดเรียกได้ว่าแม้จะน่าจะคุยไม่คือแต่ก็สามารถฟังออกว่าเขาหมายถึงอะไรซึ่งอาจจะจะคงจะเป็นเพราะว่าวัฒนธรรมการถ่ายเททางด้านภาษานั่นเองครับ
ความสนุกสนานของการไปทัวร์ลาวนี่ภาษาก็เป็นชิ้นส่วนอย่างหนึ่งนะครับที่ช่วยส่งผลให้การไปทัวร์ลาวขอข้าพเจ้ามีรสชาติหลากหลายยิ่งขึ้นไปเพราะคำบางคำนั้นเป็นคำที่ทางลาวเข้าใช้จริงแต่ก็กลับกลายคือตลกขบขันในที่อยู่อาศัยข้าพเจ้าไปเสียนี่ อย่างเป็นต้นว่าร้านค้าปะยางที่ลาวเขาจะอาจจะเรียกว่าฮ้านจอดยาง หรือว่าอย่างคำว่าใบประกาศเกียรติคุณภาษาลาวกลับเรียกใบนี้ว่าใบคงทน เหล่านี้เป็นต้นแต่ถึงแม้ว่าจะก็จะได้ยินประหลาดๆ หูไปบ้างแต่เมื่อรู้ความหมายแล้วก็สามารถโยงเข้าใจกันได้ไม่ยาก
เพื่อภาษาการจราจรในประเทศชาติลาวก็มีความหมายให้อมยิ้มได้ไม่แพ้กันเพราะว่าทางลาวนั้นเขาเรียกไฟแดงว่า “ไฟพลัง” ส่วนไฟเขียวนั้นเขาเรียกว่า “ไฟเสรี” ซึ่งแม้จะน่าจะออกตลกๆ สักหน่อยหากแต่เมื่อผมมองย้อนกลับมามองก็พบว่าความหมายของไฟเหล่านั้นเป็นเช่นว่านั้นจริงๆ เพราะไฟแดงนั้นมีพลังหยุดรถได้ ส่วนไฟเขียวก็เปิดให้รถวิ่งได้อย่างอิสระ เสรี
ส่วนคำที่ได้ยินดูเหมือนจะอาจจะหยาบคายในบ้านผมแต่ไปอยู่ในบ้านเขาก็มีอยู่หลายคำไม่น้อยเลยทีเดียวแต่ที่เห็นเด่นชัดที่สุดยังเป็นคำว่า “ปี้” ที่ในประเทศลาวหมายความถึง “ตั๋ว” ใช่หรือไม่ “บัตรผ่านประตูนั่นเองครับ โดยคำว่า “ปี้ยน” นั้นจะจะหมายถึงตั๋วเครื่องบินส่วนคำว่า “บ่อนจัดจำหน่ายปี้” จะอาจหมายความถึง ที่จัดจำหน่ายตั๋ว
เยือนพระราชวังต้องห้าม หรือ พระราชวังกู้กง(Forbidden City)
การเดินทางไปเที่ยวสาธารณรัฐประชาชนจีนทีไร ทัวร์จีนอดเพลินตาเพลินใจไปกับประเทศนี้ไม่ได้จริงๆ เพราะมีความหลากหลายของสถานที่เที่ยว และทุกสถานที่ก็มีความเป็นเอกลักษณ์ วันนี้ก็เช่นเดียวกันทัวร์จีนจะพาทุกท่านมาชมความสวยงามและอลังการของพระราชวังต้องห้ามกัน ถ้าอยากรู้ว่าทำไมจึงมีชื่อว่า “พระราชวังต้องห้าม” ก็ตามมาชมกันเลย
พระราชวังต้องห้าม หรือ พระราชวังกู้กง เป็นพระราชวังโบราณซึ่งยังคงเหลืออยู่ ตั้งอยู่ที่ใจกลางกรุงปักกิ่ง เป็นทั้งบ้านและชีวิตของจักรพรรดิในราชวงศ์หมิงและชิงรวมทั้งสิ้น 24 พระองค์ พระราชวังเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 500 ปี มีชื่อในภาษาจีนว่า ‘กู้กง’ หมายถึงพระราชวังเดิม มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ‘จื่อจิ้นเฉิง’ ซึ่งแปลว่า ‘พระราชวังต้องห้าม’ เหตุที่เรียกพระราชวังต้องห้าม เนื่องมาจากชาวจีนถือคติในการสร้างวังว่า จักรพรรดิเปรียบเสมือนบุตรแห่งสวรรค์ ดังนั้นวังของบุตรแห่งสวรรค์จึงต้องเป็น ‘ที่ต้องห้าม’ คนธรรมดาสามัญไม่สามารถล่วงล้ำเข้าไปได้
พระราชวังต้องห้าม เป็นพระราชวังหลวงมาตั้งแต่สมัยกลางราชวงศ์หมิงจนถึงราชวงศ์ชิง ตั้งอยู่ด้านหลังพลับพลาเทียนอันเหมิน แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยาวจากเหนือจรดใต้ 961 เมตร กว้าง 753 เมตร มีกำแพงวังล้อมรอบ ยาว 3 กิโลเมตร สูง 10 เมตร มีคูน้ำล้อมรอบ กว้าง 52 เมตร มีประตูวัง 4 ประตู 4 ทิศ มีป้อมหอคอยกำแพงวังอยู่ 4 มุม ครอบคลุมพื้นที่ 720,000 ตารางเมตร อาคาร 800 หลัง มีห้องทั้งหมด 9,999 ห้อง และมีพระที่นั่ง 75 องค์ ใช้ระยะก่อสร้างประมาณ 14 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 1949 จนถึง พ.ศ. 1963
ในอดีตภายในเป็นที่ประทับของจักรพรรดิ โดยมีสนมกำนัล ขันที และข้าหลวงรับใช้ ซึ่งคนเหล่านี้ต้องอาศัยอยู่ในนครต้องห้ามตลอดชีวิต เพื่อความสำราญของจักรพรรดิ ในวังจะมีวิเสท 6,000 คน ประกอบพระกระยาหาร มีสนมกำนัล 9,000 นาง ซึ่งมีขันที 70,000 คน คอยดูแล มีคำเล่าลือกันว่า พระนางซูสีไทเฮา เวลาเสวยก็จะมีพระกระยาหารถึง 148 ชุด และทรงส่งขันทีไปเสาะหาชายหนุ่มซึ่งเข้าวังแล้วจะไม่มีผู้ใดพบเห็นอีกเลย
ภายในพระราชวังแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ วังหน้าและวังใน
• วังหน้าเป็นเขตที่ฮ่องเต้ออกว่าราชการ จัดงานพิธีต่างๆ รับเข้าเฝ้า
• วังในเป็นเขตหวงห้าม ผู้ชายห้ามเข้า ยกเว้นขันทีเท่านั้น
Duck Tour VS Hippo Tour
สำหรับคนที่เพิ่งเคยไปทัวร์สิงคโปร์เป็นครั้งแรกหรือกำลังหาข้อมูลสำหรับการไปทัวร์สิงคโปร์ด้วยตนเองเชื่อว่าคงอาจจะเคยได้ยินคำว่า Duck Tour กันมาบ้างพอสมควรแต่จะมีสักกี่คนที่ทราบว่าการท่องเที่ยว Duck Tour ที่สิงคโปร์นั้นคืออะไรแล้วทำอย่างไรต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างดังนั้นในบทความตอนนี้เราจะมาไขข้อข้องใจกันกับ Duck Tour ครับ
Duck Tour หรือ Hippo Tour ในประเทศสิงคโปร์นั้นก็คือการทัวร์รอบเมืองสิงคโปร์ตามเส้นทางที่ได้มีการจัดเอาไว้ให้โดยจะมีรถพาเราชมรอบๆ เมืองสิงคโปร์และใช้เวลาในการพาชมประมาณ 1-2 ชั่งโมง
ข้อดีของการไปเยี่ยมชมเมืองสิงคโปร์ด้วยการซื้อ Duck Tour นั้นก็คือผู้ที่ไปทัวร์สิงคโปร์ไม่จำเป็นต้องศึกษารายละเอียดการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ มากนักเพราะเนื่องจากว่ารถที่มารับเรานั้นเขาจะพาเราไปยังจุดต่างๆ ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอยู่แล้วเราแต่เพียงแค่เปิด guide book ดูก็จะทราบว่าขณะนี้เราอยู่ทีไหนแต่หากเราต้องที่จะมีไกด์อธิบายตลอดเส้นทางก็ขอแนะนำให้ซื้อบริการในรูปแบบ Hippo Tour จะดีกว่า
ข้อแตกต่างอีกประการหนึ่งระหว่างทัวร์แบบ Duck Tour กับ Hippo ทัวร์นั้น Duck Tour จะเป็นการเดินทางแบบรวดเดียวจบโดยไม่พักจอดที่ใดที่หนึ่งเลยในขณะที่ Hippo Tour จะแวะจอดให้ลงไปเยี่ยมจุดสำคัญๆ ในเวลาสั้นๆ ดังนั้นหากคุณไม่มีเวลาในการเยี่ยมชมเมืองสิงคโปร์มากพอขอแนะนำให้ใช้บริการ Duck Tour จะเหมาะสมที่สุดครับและในปัจจุบันนี้การเดินทางแบบ Hippo Tour เขายังเพิ่มเส้นทางการเดินทางแบบล่องเรือให้เป็นทางเลือกอีกด้วย ดังนั้นจะเลือกใช้บริการแบบไหน อย่างไร คงต้องดูจากวัตถุประสงค์ ระยะเวลาและงบประมาณของเราเองเป็นหลักครับ
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับหอไอเฟล
วันนี้ทัวร์ยุโรปจะพาคุณไปรู้จักกับหอไอเฟล หลายๆท่านอาจคิดว่าไปเที่ยวมาหลายรอบแล้วจะมาแนะนำอะไรกันอีก แต่ต้องยอมรับว่าแม้หอไอเฟลจะเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเคยมีโอกาสไปเที่ยวกัน ดังนั้นทัวร์ยุโรปเลยถือโอกาสหยิบมาเล่าให้คุณๆได้ฟังกันอีกครั้ง ส่วนใครที่เคยไปมาแล้วก็ถือว่าเป็นการทบทวน หวนระลึกถึงบรรยากาศเก่าแล้วกันนะจ้ะ
หอไอเฟล (ฝรั่งเศส: Tour Eiffel, ตูร์แอฟแฟล; อังกฤษ: Eiffel Tower) หอคอยโครงสร้างเหล็กตั้งอยู่บนชองป์ เดอ มารส์ บริเวณแม่น้ำแซน ในกรุงปารีส หอไอเฟลเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ทั้งยังเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอีกด้วย
หอไอเฟลเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยตั้งชื่อตามสถาปนิกผู้ออกแบบ “กุสตาฟ ไอเฟล” ในปี พ.ศ. 2549 นักท่องเที่ยวกว่า 6,719,200 คนได้เข้าเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ และกว่า 200,000,000 คนตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ส่งผลให้หอไอเฟลเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีคนเข้าชมมากที่สุดต่อปีอีกด้วย หอไอเฟลมีความสูง 324 เมตร (1,063 ฟุต) (รวมเสาอากาศสูง 24 เมตร (79 ฟุต))ซึ่งก็สูงเท่ากับตึก 81 ชั้น
วิหารซักเคร่-เกลอ,กรุงปารีส,ประเทศฝรั่งเศส
เมื่อหอไอเฟลสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) หอไอเฟลกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกแทนที่อนุสาวรีย์วอชิงตัน และได้ครองตำแหน่งนี้มาเรื่อยๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930) ก็ได้เสียตำแหน่งให้แก่ตึกไครส์เลอร์ (319 เมตร หรือ 1,047 ฟุต) ที่เพิ่งสร้างเสร็จ ปัจจุบันฟอไอเฟลสูงเป็นอันดับที่ 5 ในประเทศฝรั่งเศสและสูงที่สุดในกรุงปารีส ซึ่งอันดับสองคือหอมงต์ปาร์นาสส์ (Tour Montparnasse – 210 เมตร หรือ 689 ฟุต) ซึ่งในไม่ช้าจะถูกแทนที่โดยหออาอิกซ์อา (Tour AXA – 225.11 เมตร หรือ 738.36 ฟุต)
ในการก่อสร้างหอคอยแห่งนี้ ใช้คนงานก่อสร้างถึง 300 คน เพื่อประกอบเหล็กจำนวน 18038 ชิ้นเข้าด้วยกัน โดยใช้หมุดถึง 2.5 ล้านตัว ความเสียงที่จะเกิดอุบัติเหตุระหว่างการก่อสร้างสูงมาก เนื่องจากหอไอเฟลแตกต่างจากตึกสูงในปัจจุบันตรงที่เป็นหอเปลือย ไม่มีจำนวนชั้น อย่างไรก็ตามมีการเตรียมตัวรักษาความปลอดภัยในการก่อสร้างอย่างเต็มที่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในการก่อสร้างเพียงคนเดียวเท่านั้น
ปัจจุบัน หอไอเฟล เป็นสัญลักษณ์หนึ่งที่ทำให้ทุกคนนึกถึงประเทศฝรั่งเศสเพราะสิ่งก่อสร้างที่มีอยู่นั้น เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความแปลกใหม่และไม่มีใครเหมือน แม้ว่าในปัจจุบันจะมีสิ่งก่อสร้างใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรที่สามารถจะเข้ามาทดแทน หอไอเฟล ได้เลย
จัดกระเป๋าไปเที่ยวฮ่องกงให้ถูกกับฤดูกาล
ตามที่ทัวร์ฮ่องกง เจออยู่เป็นประจำก็คือ อากาศในประเทศฮ่องกงจะแล้วแต่ฤดูกาล มีทั้งเย็น หนาว หนาวมาก หรือร้อน เพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวจากเมืองไทยต้องเตรียมตัวและเสื้อผ้าให้พร้อมก่อนเดินทางทุกครั้ง ที่สำคัญประเทศฮ่องกงถือว่าเป็นเมืองแฟชั่นที่ผู้คนจะแต่งตัวดี แรง และแนว คนทำงานจะใส่สูทผูกไทด์ รองเท้าอย่างเนี๊ยบ วัยรุ่นจะแรงเต็มที่ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม รองเท้าและกระเป๋า ไม่เว้นทั้งหญิงและชาย ไม่มีการมาลากรองเท้าแตะคู่เดียวเดินไปมาอาจจะทำให้โดนมองแปลกๆได้ ส่วนใครที่รักการแต่งตัว การไปเที่ยวฮ่องกงนับว่าเหมาะอย่างยิ่ง โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูกาลที่แต่งตัวเก๋และสนุกที่สุด เพราะอากาศไม้ร้อนไม่หนาวเกินไป จะแจ็คเก็ตก็ได้ ผ้าพันคอก็สวย บู้ตก็ดี ผ้าใบก็เหมาะ
สิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกฤดูกาล: รองเท้าผ้าใบใส่สบายสำหรับทั้งชายและหญิง เพราะถ้าคุณไม่ได้รวยจนถึงขั้นเศรษฐี ควรหารองเท้าที่ใส่สบายเหมาะแก่การเดินขึ้นลงบันไดรถไฟใต้ดินทั้งวันจะดีกว่า เนื่องจากหลายสถานีบันไดจะยาวมากและมักไม่ค่อยมีบันไดเลื่อนไว้บริการ อีกทั้งอาจจะต้องเดินซอกแซกตามตรอกซอกซอยทั้งวันบนถนน ส้นสูงหรือส้นเข็มไม่เหมาะเป็นอย่างยิ่ง หากไม่ใช่ผ้าใบควรจะเป็นรองเท้าส้นเตี้ยที่มีซัพพอร์ตจะได้ ไม่เมื้อยขาและมีแรงเอาไว้เดินเที่ยววันรุ่งขึ้นได้ต่อ
ฤดูกาล ช่วงเวลา อากาศ วิธีแต่งตัวและสิ่งที่ต้องนำไป :
* ฤดูหนาวกลาง ธ.ค. – ก.พ. 12oC – 20oC สำหรับนักท่องเที่ยวไทย อากาศช่วงนี้ถือว่าหนาวจับใจ ได้เวลางัดเอาเสื้อโค้ทเสื้อหนาว ถุงน่องหนา ผ้าพันคอสีสวย บู้ตยาวที่มีเตรียมไว้ออกมาใส่ ชาวฮ่องกงเป็นประเทศที่ถือว่าแต่งตัวดีตามแฟชั่น หาอะไรที่มีสีสันสดใสไปตัดกับเสื้อโค้ทสีดำก็จะเก๋ไม่น้อย หรือจะผ้าพันคอดำกับเสื้อสีสว่างก็จะแนวไม่แพ้ใคร สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ควรพกไปคือโลชั่นบำรุงผิวเพราะผิวจะแห้งได้ง่าย
* ฤดูใบไม้ผลิ มี.ค. ถึง กลาง พ.ค.17oC – 26oC ช่วงนี้จะค่อนข้างชื้น อากาศจะเย็นสบายเหมือนนั่งในห้องแอร์ตลอดทั้งวัน อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 23 องศาเซลเซียล แต่ช่วงค่ำๆ อากาศจะเย็นลงได้อีก แจ็คเก็ตบางๆ ที่เราใช้ใส่หน้าหนาวในเมืองไทยและผ้าพันคอสักผืนก็ใช้ได้แล้ว
* ฤดูร้อน ปลาย พ.ค. – กลาง ก.ย. 26oC – 31oC อากาศร้อนชื้นแทบทั้งวัน เดินสยามแต่งตัวแบบไหน จัดไปอย่าให้ขาด ฤดูร้อนของฮ่องกงมักมีฝนตกชุกด้วย ดังนั้นควรจะพกร่มติดตัวไปคนละคัน
* ฤดูใบไม้ร่วง ปลาย ก.ย. – ต้น ธ.ค. 19oC – 28oC ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่ฮ่องกงมีอากาศน่าไปเที่ยวที่สุด ท้องฟ้าแจ่มใส อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 23oC แจ๊คเก็ตหรือสูทเก๋ๆ บางๆ รองเท้าผ้าใบ หรือจะมีผ้าพันคอไม่หนามากเพิ่มความเก๋ก็ไม่ว่ากัน