Category Archives: Travel

เรียนรู้ภาษาก่อนไปเที่ยวญี่ปุ่น

japan-0002

ประเทศญี่ปุ่นถือว่าเป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวที่ในลำดับต้นๆ และไม่เคยทำให้นักท่องเที่ยวผิดหวังเลยเพราะความสวยงามและธรรมชาติที่แตกต่าง ความสุดโต่งของแฟชั่น และอาหารการกินที่เลิศรส ทำให้ทัวร์ญี่ปุ่นยังคงได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย  แต่สำหรับคนที่ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลย การไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นอาจดูเป็นเรื่องยากลำบาก โดยเฉพาะภาษาที่แตกต่างกัน วันนี้ทัวร์ญี่ปุ่น เลยนำคำศัพท์ที่ควรรู้แบบง่ายๆ ก่อนไปเที่ยวญี่ปุ่นมาแนะนำให้รู้จักกัน

Kore – นี่

     คำว่า Kore ถือว่าเป็นคำที่สำคัญมากในการเอาตัวรอดไม่ต้องอดตายในญี่ปุ่น เวลาหิวข้าวต้องเข้าไปสั่งทานในร้านอาหาร กางเมนูมาถึงกับมึน อ่านไม่ออกซักคำ เพียงแค่จิ้มไปที่รูปในเมนู หรืออาหารที่แลดูน่ากินของโต๊ะข้างๆ ก็ได้ พร้อมพูดคำว่า Kore เพียงเท่านี้เขาก็เข้าใจทันที หรือเวลาที่ไปซื้อของ แต่ไม่รู้ว่าของที่ต้องการเขาเรียกว่าอะไร ก็เอานิ้วชี้พร้อมพูดว่า Kore เขาก็จะเข้าใจว่า อ๋อ อันนี้นี่เอง

Kudasai – กรุณา

     ยังคงวนเวียนอยู่ในสเต็ปหาอาหารทานกันอยู่ จากข้อที่แล้วเราพูดคำว่า Kore ซึ่งเอาเป็นว่าเขาเข้าใจ ว่ามันคือ”อันนี้” แต่ว่าจะทำอะไรต่อกับ”อันนี้” ก็ไม่มีใครรู้ ถ้าเราต้องการจะเอาของอันนี้ จะซื้อของอันนี้ หรือว่าจะสั่งอาหารอันนี้ ให้เรานำคำว่า Kudasai ไปต่อกับคำว่า Kore เป็น Kore Kudasai ชาวญี่ปุ่นจะเข้าใจทันที

Doko – ที่ไหน

     การถามทาง เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับนักท่องเที่ยว ถ้าเราไปเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรกและไม่มีไกด์ทำทาง ใครไม่หลงหรือว่าหาไม่เจอก็นับว่าเก่ง  สมมุติว่าเกิดเดินเที่ยวอยู่แล้วต้องการเข้าห้องน้ำกระทันหัน ก็ให้เราไปถามเขาว่า toilet Doko เขาก็เข้าใจแล้วว่าเราปวดขี้อยากจะไปห้องนํ้า (ถ้าจะให้ถูกต้องตามหลักไวยกรณ์ ก็คือ toilet wa doko แต่ก็ไม่จำเป็นเช่นกัน เพราะคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็จะละไว้ ) หรือเราจะไปที่แห่งหนึ่งที่อยู่ในแผนที่ ให้เราจิ้มไปจุดที่เราต้องการจะไป พร้อมพูดว่า Doko ก็ได้ เขาก็จะพอเข้าใจว่าเราอยากไปที่นี่ แต่ไปไม่เป็น

Sumimasen – ขอโทษ

     เวลาไปเที่ยวเราก็ควรแสดงถึงมารยาทอันงดงามของเรา ซึ่งเวลาที่เราจะถามหรือขอความช่วยเหลือจากใครซักคน เราจะต้องพูดว่า Sumimasen ก่อน (excuse me) ก็เหมือนกับเราอยู่ไทย เวลาจะขอความช่วยเหลือใครซักคนเราก็ต้องพูดว่า ขอโทษครับ/ค่ะ กันอยู่แล้ว รวมไปถึงเวลาเราไปเผลอเหยียบเท้าใครเข้า เราก็ใช้คำนี้แสดงความขอโทษได้เช่นกัน (จะใช้ Gomennasai ก็ได้ แต่จะนิยมใช้กับคนรู้จักมากกว่า)

Wakarimasen – ไม่เข้าใจ

     คำนี้ดูผ่านๆ เหมือนจะไร้สาระ แต่ก็เป็นอีกคำที่มีความจำเป็นมากๆ เมื่อเราขอความช่วยเหลือจากชาวญี่ปุ่น แล้วเขาอธิบายมาเป็นชุดๆ จนเราฟังไม่ทัน ฟังไม่เข้าใจ ก็ให้บอกว่า Wakarimasen (วาคาริมาเซ็น)

            กับคำศัพท์ง่ายๆ คงไม่ยากที่จะฝึกฝนกันนะจ้ะ

รู้จักกับสายการบิน Korean Air

korea-0002

สำหรับคนที่คิดจะไปทัวร์เกาหลีอาจจะมีคำถามว่าควรจะเลือกสายการบินใดเดินทางไปยังประเทศเกาหลีดีซึ่งในเรื่องนี้ต้องบอกว่าแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเป็นหลักมากกว่าครับเพราะเนื่องจากว่าในปัจจุบันสายการบินแทบทุกสายการบินล้วนแล้วแต่มีเส้นทางการเดินทางไปยังประเทศเกาหลีด้วยกันทั้งสิ้นอีกทั้งราคาก็ไม่แตกต่างกันมากนักดังนั้นนักท่องเที่ยวที่ไปทัวร์เกาหลีจึงมีตัวเลือกสำหรับการเดินทางไปยังประเทศนี้ค่อนข้างเยอะ

               แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่คิดจะไปทัวร์เกาหลีให้ได้อรรถรสแน่นอนว่าคงต้องเลือกสายการบินท้องถิ่นของประเทศเกาหลีซึ่งสายการบินที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างเห็นทีคงจะหนีไม่พ้นสายการบิน Korean Airline อย่างแน่นอนดังนั้นในวันนี้เราจะไปทำความรู้จักกันกับสายการบินแห่งชาติของเกาหลีที่ว่านี้กันครับ

               สายการบินโคเรี่ยนแอร์ไลน์หรือ Korean Air นั้นถือเป็นสายการบินแห่งชาติของประเทศเกาหลีโดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้โดยสายการบิน Korean Air นี้ถือเป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเกาหลี

สายการบิน Korean Air มีฐานบินหลักอยู่ที่สนามบินท่าอากาศยานนานาชาติอินชอนและสนามบินท่าอากาศยานกิมโป รวมไปถึงยังมีมีท่าอากาศยานรองอีอยู่ที่ท่าอากาศยานนานาชาติเชจู และท่าอากาศยานนานาชาติกิมเฮ ในเมืองเมืองปูซานนอกจากนี้สายการบิน Korean Airline ยังเป็นหนึ่งในพันธมิตรของสายการบินสกายทีมอีกด้วย

สำหรับประเทศไทยสถานที่ตั้งสำนักงานของสายการบิน Korean Air อยู่ที่อาคารกองบุญมา ย่านสีลม และมีสำนักงานย่อยอยู่ที่สนามบินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิครับ

รู้ไว้ก่อนไปพม่า

Myanmar-002

สำหรับคนที่กำลังคิดวางแผนจะไปทัวร์พม่าแล้วล่ะก็ต้องขอบอกครับว่าการไปทัวร์พม่าในปัจจุบันนี้สะดวกสบายกว่าแต่ก่อนเยอะทีเดียวเพราะไม่ว่าเราจะไปทัวร์พม่ากับบริษัททัวร์หรือไปจะทัวร์ด้วยตัวเองก็สามารถทำได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากขอเพียงแค่มีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจเพียงแค่นี้การไปทัวร์พม่าของเราก็จะราบรื่นไม่มีปัญหาใดๆ ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการไปเยือนพม่าเราควรรู้กันก่อนว่ามีอะไรที่ต้องเตรียมตัวกันบ้าง

               ประการแรกเลยคือเราต้องเตรียมร่างกายของเราให้พร้อมเพราะถึงแม้ว่าประเทศพม่านั้นจะอยู่ในสภาพภูมิประเทศที่ใกล้เคียงกับประเทศไทยนั้นก็ตามทีแต่พื้นส่วนใหญ่ก็ยังไม่เจริญดังนั้นจึงมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดโรคร้ายบางชนิดได้ ดังนั้นผู้ที่คิดจะเดินทางควรทำให้ร่างกายแข็งแรงหรือฉีดวัคซีนป้องกันตัวก่อนการเดินทาง

               ถัดมาคือความพร้อมด้านการเงินเนื่องจากประเทศพม่านั้นยังไม่มีธนาคารหรือตู้เอทีเอ็มแพร่หลายมากนั้นดังนั้นจึงควรที่จะแลกเงินจากประเทศไทยไปให้พร้อมเพื่อความสะดวกโดยอาจจะแลกเป็นเงินสกุลท้องถิ่นหรือแลกเป็นดอลลาร์สหรัฐอเมริกาไปก็ได้

               ประการที่สามประการสุดท้ายคือการเข้าเมืองของประเทศพม่าโดยผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศพม่าต้องมีหนังสือเดินทางที่ยังไม่หมดอายุ และมีการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยวหรือประเภทนักธุรกิจจากสถานทูตเมียนมาร์ประจำประเทศไทยซึ่งได้แก่ Tourist Visa มีอายุ 28 วัน, Business Visa ประเภทธุรกิจอยู่ในพม่าได้นาน 10 สัปดาห์ และ Entry Visa สำหรับเจ้าหน้าที่องค์การระหว่างประเทศ และแขกของหน่วยงานหรือรัฐบาลพม่า

เรียวกังทัตสึมิคัง

japan-027

สถานที่ท่องเที่ยวในดินแดนแห่งประเทศญี่ปุ่นอีกสถานที่หนึ่งที่สามารถสร้างชื่อเสียงได้ภายในระยะเวลาไม่นาน  อย่าง “เรียวกังทัตสึมิคัง   ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักทัวร์ญี่ปุ่นต่างก็พาให้ความสนใจและอยากเดินทางไปสัมผัสในทุก ๆ ครั้ง  ด้วยลักษณะของเรียวกังทัตสึมิคัง  เป็นย่านที่มีอาณาบริเวณที่กว้างขวางในแถบคามิโมขุ  และที่สำคัญสถานที่แห่งคงความสวยงามไปด้วยธรรมชาติและแมกไม้ผสมผสานกับความเป็นเมืองที่มีผู้คนคับคั่ง  จึงเกิดบรรยากาศที่ผ่อนคลายและน่าค้นหาเป็นอย่างยิ่ง

ในย่านถนนออนเซ็นในตัวเมืองมินาคามิ  ถือได้ว่าเป็นแหล่งรวมเรียวกังและโรงแรมต่าง ๆ นานาหลากหลาย  แต่สำหรับ “เรียวกังทัตสึมิคัง”  กับให้บรรยากาศที่มีความผ่อนคลายแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังที่นี่เสียมากกว่า  บรรยากาศโดยรอบที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติและความเป็นส่วนตัวจึงมีมากกว่าที่อื่น ๆ ในประเทศญี่ปุ่น  และกำไรของผู้ที่มาพักสถานที่แห่งนี้  จึงเป็นในเรื่องของข้อแตกต่างกับบรรยากาศที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว    สำหรับเรียวกังทัตสึมิเป็นสถานที่พักผ่อนซึ่งมีห้องพักขนาดกว้าง  และมีให้เลือกหลากหลายสไตล์ หลากหลายรูปแบบในความเป็นญี่ปุ่นผสมผสาน  ทัตสึมิคังยังคงให้ความอำนวยความสะดวกอีกมากมายที่ถูกจัดเตรียมไว้เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวไม่จำกัดจำนวน

  โดยสถานที่นี้มีบริเวณโดยรอบที่น่าค้นหาและน่าติดตาม  ทุก ๆ สถานที่ในพื้นที่ทัตสึมิคัง  เปรียบเสมือนเป็นสถานที่อีกรูปแบบหนึ่งที่มีกลิ่นไอแห่งความเป็นญี่ปุ่นโดยแท้  การใช้ชีวิตแบบญี่ปุ่นคงสร้างความสนุกสนานและได้รับประสบการณ์อย่างเต็มที่กับนักท่องเที่ยว  ด้วยอารมณ์แห่งความสุนทรีกับสถานที่ในประเทศญี่ปุ่น  คงสร้างความทรงจำและความสุขที่งดงามได้อย่างมากมาย ในบรรยากาศ เรียวกังทัตสึมิคัง นั่นเอง

ทัวร์สิงคโปร์ราคาถูกพามารู้จักน้ำพุแห่งความมั่งคั่ง (Fountain of Wealth)

จะไปเที่ยวสิงคโปร์กันทั้งที  ทัวร์สิงคโปร์ราคาถูกเลยขออาสาพาทุกท่านมารู้จักน้ำพุแห่งความมั่งคั่งของประเทศสิงคโปร์กันก่อน 

น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง (Fountain of Wealth)   มีตำแหน่ง ตั้งอยู่ตรงใจกลางระหว่างหมู่อาคาร Suntec City หรืออยู่ใจกลางฝ่ามือซึ่งหงายขึ้นนั่นเอง ก็เพราะมีความเชื่อว่าน้ำไหลของน้ำพุเปรียบเสมือนกับเงินทองที่ไหลเข้าฝ่ามือไม่หยุดหย่อนน้ำพุแห่งความมั่งคั่ง(Fountain of Wealth)   เป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลก น้ำพุแห่งความมั่งคั่งสร้างขึ้นในปีพ.ศ.2540(ค.ศ. 1997)และ Guinness Book ได้ทำการจดบันทึกสถิติไว้ในปี พ.ศ.2541 ว่าเป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตัวน้ำพุทำเป็นสีบรอนซ์และประกอบด้วยวงแหวนกลมที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 66 เมตร ความสูง 13 เมตร บริเวณฐานของน้ำพุมีพื้นที่ 1,683 ตารางเมตร นอกจากนี้ยังมีการแสดงน้ำพุประกอบแสง สีเสียง 3D Laser ซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างมากใครที่มีโอกาสที่ได้เดินรอบฐานกลางของน้ำพุสามครั้งและสัมผัสน้ำทุกครั้งก็จะรับความโชคดีและมีความมั่งคั่งในทรัพย์สินตามมา ขั้นตอนการสัมผัสน้ำจะต้องใช้มือขาวสัมผัสน้ำและอธิษฐาน จากนั้นเดินวนตามเข็มนาฬิกาให้ได้ 3 รอบ คำอธิษฐานก็จะเป็นผล อันนี้ฟังเขามา สำเร็จหรือไม่ลองพิสูจน์ดูนะค่ะ

 สำหรับตารางเวลาในการแสดงเปิดให้เข้าชม

09:00 – 22:00 น.

แสดงเลเซอร์โชว์

20:00 น. ,20:30 น. ,21:00 น. (3 รอบเท่านั้น)

 เปิดให้สัมผัสน้ำ

09:00 น. – 12:00 น.

14:30 น. – 18:00 น.

19:00 น. – 19:45 น.

21:30 น. – 22:00 น.

ด้วยสาเหตุนี้น้ำพุแห่งความมั่งคั่งจึงได้รับความนิยมและโด่งดังมาก จนมีนักท่องเที่ยวทั่วโลกโดยเฉพาะชาวจีน ด้วยความเชื่อตามโหงวเฮ้งฮวงจุ้ย เพื่อความเป็นสิริมงคลจึงมีผู้คนมาเที่ยวชมกันล้นหลาม

ทัวร์ยุโรปพามารู้จักแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมของออสเตรีย

europe-003

มาทัวร์ยุโรปทั้งทีไม่พาไปเที่ยวประเทศออสเตรียได้ยังไง เพราะประเทศขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องความ      โรแมนติกติดอันดับต้นๆของโลกเลยทีเดียว  ว่าแล้วก็ตามติดมารู้จักแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมกันเลย

•    กราซ  –        บริเวณศูนย์กลางเมืองเป็นเขตเมืองเก่าดั้งเดิมที่ตั้งมานานหลายศตวรรษแล้วทอดตัว อยู่เชิงเขาชลอสแบร์กพร้อม หอนาฬิกาที่มีชื่อเสียง กราซเป็นแหล่งรวมสถาปัตยกรรมต่างๆจากทุกสมัย ทั้งโกธิค เรอเนส์ซองส์ และบารอก จนถึงยุคย้อนยุคและยุคยูเกนดัชทิล(อาร์ตนูโว) หากต้องการชมรูปแบบชีวิตในยุคกลางชัดๆต้องไปอาร์เมอรี่ที่โด่งดัง ตรอกซอกซอยในเขตเมืองเก่าคือพยานของวัฒนธรรมอันโดดเด่นที่มีอายุยาวนาน หล่อเลี้ยงวิถีชีวิตผู้คนด้วยท่วงทำนองแห่งศิลปะ และวัฒนธรรมแม้ว่าทางด้านการเมือง กราซจะเฟื่องฟูอยู่เพียงช่วงสั้นๆก็ตาม

•    ฮาลชตัดต์ – ดัคชไตน์/ซาลสกัมแมร์กูท  –      ใจกลางดินแดนแห่งเทพนิยาย ซาลสกัมแมร์กูท มีพลอยเม็ดงามประดับอยู่เชิงเขาดัคชไตน์ที่สูงตระหง่าน แผ่นดินทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมนี้คลุมอาณาบริเวณเมืองฮาลชตัด ต์, โกเซา, โอแบร์ทราวน์ และบาดกอยแซร์น รวมกันเป็นศูนย์กลางของอินเนอร์ซาลสกัมแมร์กูท ดินแดนซึ่งมีวัฒนธรรมสืบทอดต่อกันมา นานถึง 3,500 ปี เหมืองเกลือ ที่ทำกันมาตั้งแต่สมัยกลางของยุคสำริดสร้างความเจริญให้ท้องถิ่น สถาปัตยกรรมที่มีเสน่ห์ เฉพาะตัวด้วยการประดับเครื่องไม้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากจารีตประเพณีที่ยังคงมีพลังและชีวิตชีวา

•    ทะเลสาบนอยซีดแลร์  –      ทะเลสาบ แบบทุ่งหญ้าสเตปที่ใหญ่ที่สุดใจของยุโรปกลาง ห้อมล้อมไปด้วยพงไม้น้ำและพงหญ้าสีทองมีทิวไร่องุ่นอยู่ริมขอบฟ้า เป็นทะเลสาบระหว่างประเทศของออสเตรียและฮังการี แนวชายแดนคือเขตที่ราบลุ่มริมทะเลสาบเต็มไปด้วยพงอ้อ รอบนอกทะเลสาบงดงามด้วยไร่องุ่น และทุ่งกว้างที่เหล่าปศุสัตว์อาศัยหากิน มีอนุสรณ์ทางโบราณคดี เหมืองหินปูน อารามโบราณ บ้านชาวนาและปราสาท เป็นเครื่องยืนยันการตั้งถิ่นฐานผู้คนในบริเวณนี้ โดยมีทะเลสาบนอยซีดแลร์ ทำหน้าที่ประดุจเบ้าหลอมวัฒนธรรม

•    ซาลสบูร์ก  –      ซาลสบูร์ก ตั้งอยู่ใจกลางทวีปยุโรป เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงก้องโลกเรื่องความงามที่หาใครเทียบไม่ได้ทั้งรูปแบบอาคารบ้านเรือน ทัศนียภาพของสิ่งแวดล้อม และเรื่องของพรหมลิขิตที่บันดาลให้วอล์ฟกัง อะมาเดอุส โมสาร์ตถือกำเนิดขึ้นที่นี่ เมื่อค.ศ. 1756 ความเจริญมั่งคั่งอันยาวนานหลายร้อย ปี มีรากฐานจากการค้าเกลือซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “ทองคำขาว” จนเป็นเหตุให้ เจ้าชาย อาร์คบิชอปสร้างเมืองขึ้น ด้วยลักษณะแบบอิตาลี ทั้งอาคารทางศาสนามากมาย กับบรรยากาศเฉพาะของเมือง ซาลสบูร์กจึงได้สมญานามว่า “โรมแห่งภาคเหนือ”
•    เชินบรุนน์ –      ที่ประทับฤดูร้อนของราชวงศ์ฮับสเบิร์กและสวนสัตว์ที่มีชื่อเสียงได้รับคะแนน เป็นอันดับต้นในจำนวนสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเวียนนา อาคารพระราชวังหลวงแห่งเชินบรุนน์ บริเวณโดยรอบ และอาคารใกล้เคียงจัด คือ อนุสรณ์สถานทางศิลปะและวัฒนธรรมแห่งสำคัญของยุคบารอกอย่างดี เดอะกลอเรียตที่อยู่เหนือพระราชวังมีลานกว้างมองเห็นทิวทัศน์เวียนนาเยี่ยง”จักรพรรดิ” ได้ทุกทิศทาง สวนสัตว์เชินบรุนน์เป็นหนึ่งในสวนสัตว์ที่เก่าแก่และดีที่สุดในยุโรป ดำเนินงานภายใต้แนววิทยาการทันสมัย ไฮไลท์อีกแห่งในบริเวณพระราชวัง คือ ปาล์มเฮาส์ ที่โดดเด่น เพราะรูปแบบก่อสร้างและเป็นสถานที่รวบรวมพันธุ์ไม้หายากจากนานาประเทศ

•    ทางรถไฟสายเซมเมอริง  –      เส้นทางที่มีทิวทัศน์สวยที่สุดจากเวียนนาลงไปทางใต้ของออสเตรีย ทางรถไฟผ่านเขต ‘ภูเขาวิเศษ’ เซมเมอริงเมื่อปี 1841 คาร์ล ฟรีดริค คูเบ็ค ว่าจ้างให้สร้างทางรถไฟไปยังทริเอสเต แต่วิศวกรโยธาจากเวนิส คาร์โล ดิ เกห์กา  ผู้ได้รับมอบหมายให้ทำงานนี้ได้ตัดทางรถไฟผ่านช่องเขาที่สูงเกือบ 1,000 เมตร ซึ่งในยุคนั้นถือว่าเป็นทางรถไฟที่สูงที่สุดในโลก โดยใช้เวลาก่อสร้างเพียง 6 ปี คือระหว่างค.ศ. 1848 – 1856        ในยุคนั้น โครงการที่ท้าทายนี้ได้รับคำสรรเสริญว่าเป็นการผสานเทคโนโลยีกับธรรมชาติได้ ลงตัวที่สุด และยังคงได้รับคำสรรเสริญนั้นมาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันเขตเซมเมอริง-แรกซ์ – ชนีแบร์ก ถือเป็นแหล่งที่หมายของการพักผ่อนที่มีระดับของยุโรป เส้นทางรถไฟกว้างขวางครอบคลุมพื้นที่บนภูเขาอย่างทั่วถึง กระท่อมพักแรม และกิจกรรมแบบอัลไพน์ ช่วยเกื้อหนุนการให้บริการของที่พักแบบพื้นเมืองที่มีอยู่หลายประเภท

•    วาเคา  –      วาเคาคือดินแดนช่วงสั้นๆ บริเวณสองฝั่งแม่น้ำดานูบ (เพียง 22 ไมล์จากความยาวทั้งสิ้น 1,740 ไมล์ )ที่มีลักษณะภูมิทัศน์หลากหลาย มีโบราณสถานทางวัฒนธรรมและหมู่สถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์ ตามเมืองเล็กเมืองน้อยเรียงรายตลอดสองฝั่งแม่น้ำ       ลักษณะที่สร้างความโดดเด่นให้แก่วาเคา คือ ความงามตามธรรมชาติ ทั้งสายน้ำดานูบที่คดเคี้ยว ทุ่งหญ้าและพุ่มไม้เขียวชอุ่มริมฝั่ง หน้าผาหินขรุขระ และความงามที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น ไร่องุ่นขั้นบันได หมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของตัว ฟาร์ม โบสถ์ ปราสาท และซากโบราณสถาน ความพิเศษของภูมิทัศน์เป็นผลจากทิวทัศน์งดงามโดยการแต่งแต้มของอาคารต่างๆ ที่ตั้งอยู่เหนือริมฝั่งตลิ่งสูงชัน ระยะทางตั้งต้นจากสำนักสงฆ์เมลค์ วังเชินบือเฮล ซากปราสาทอักชไตน์ดืนชไตน์ และฮินแทร์เฮาส์ จนถึงสำนักสงฆ์เกอทไวก์บนยอดเขาที่มองเห็นได้แต่ไกล

•    Château de Chenonceau  –      ปราสาทเชอนองโซ เป็นปราสาทที่สง่างามที่สุดในเขตหุบเขาลุ่มแม่น้ำลัวร์ ตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำแชร์ ที่สร้างสมัยศตวรรษที่ 16 เน้นในเรื่องสถาปัตยกรรมที่สวยงาม มี ฐานโค้งที่สวยงามรองรับตัวปราสาท ตัวเสาฝังอยู่ที่ก้นแม่น้ำ ปราสาทจึงดูคล้ายลอยอยู่เหนือน้ำ ปราสาทมีสวนสวยและป่าละเมาะที่แวดล้อมอยู่โดยรอบช่วยส่งให้ปราสาทแห่งนี้โดดเด่นยิ่งขึ้น ภายในมีเครื่องเรือนเก่าแก่และภาพวาดมากมาย

•    เมืองเก่าเวียนนา –      เมืองเก่าเวียนนาในปีหนึ่งจะมีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมเยือนมงแซง-มีแชลกว่า 3 ล้าน 2 แสนคน ซึ่งทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยงยอดนิยมอันดับที่ 3 ของประเทศออสเตรียรองลงมาจากหอไอเฟลและพระราชวังแวร์ซาย

•    แหล่งช้อปปิ้งในประเทศออสเตรีย  –      นอกจากช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่อย่าง ‘ ช้อปปิ้ง ซิตี้ ซึด ‘ ชานกรุงเวียนนาแล้ว ยังมีร้านค้าเล็กๆมากมาย จำหน่ายสินค้าของนักออกแบบจากนานาชาติ

•    ถนนช้อปปิ้งสายสำคัญ :

o    เวียนนา: คาร์นทเนร์ ซตราสเซ , มาเรียฮีลเฟร์ ซตราสเซ
o    กราซ: แฮร์เร่นกาสเซ , อันเนนซตราสเซ
o    ลินซ์: ลันด์ซตราสเซ และ ตรอกเล็กตรอกน้อย
o    ซาลสบูร์ก ซิตี้: เกอไทร์เดกาสเซ , ลินเซกาสเซ
o    อินสบรุค: มาเรีย – เทเรซีน – ซตราสเซ
o    คลาเก็นเฟิร์ท: อัลแทร์ พลัทซ์
o    เบรกเอนซ์ : ไคแซร์ ซตราสเซ , คอร์นมาร์คทพลัทซ์
o    ซังต์เพอเท็น: เครมแซร์ กาสเซ

•    ตลาด  –      การเที่ยวชมตลาดคุ้มค่าเสมอ เพลิด เพลินกับภูมิปัญญาหลากหลายของชนจากนานาชาติ ที่ตลาดกลางแจ้งนัชมาร์คท์ในเวียนนาอาหารพื้นเมืองและอาหารเฉพาะถิ่นที่ตลาด ชาวนา สนุกสนานไปกับความพลุกพล่านของตลาดนัดและตลาดของเก่าที่กำลังเป็นที่นิยมกัน ในช่วงสองสามปีมานี้ และ ตลาดคริสต์มาสที่เน้นขายของประดับตกแต่งในเทศกาลคริสต์มาส , ขนมปังขิง และงานศิลปหัตถกรรม ให้บรรยากาศสวยงามเป็นพิเศษ

•    ของที่ระลึกที่มีชื่อเสียง  –      ศิลป หัตถกรรมแบบออสเตรียนมีเสน่ห์เฉพาะตัว : เครื่องแต่งกายตามประเพณีและเครื่องประดับ , ผ้าขนสัตว์จากซาลสบูร์กและทิโรล , ผ้าปักจากฟอราลแบร์ก เซรามิกและพอร์ซเลน ( เอาการ์เท็นไชน่าจากเวียนนา , กมุนเดน เซรามิก , เครื่องเคลือบดินเผาจาก ชทูบ/บูร์เก็นลันด์ ) , เครื่องแก้วและคริสตัล ( เช่น สวารอฟสกี้/ทิโรล ) , ไม้แกะสลัก และอื่นๆที่ยังไม่ได้กล่าวอีกมาก แบร์นชไทน์ ( บูร์เก็นลันด์ ) เป็นแห่งเดียวที่มีเซอร์เพนไทน์ หินมีค่าสีเขียวชนิดหนึ่งใช้ทำเครื่องประดับและของตกแต่ง

•    อาหารออสเตรีย ที่ได้พอเมื่อไปเที่ยวออสเตรียต้องรับประทาน –      อาหาร ออสเตรียอร่อยล้ำคุ้มค่าแคลอรี่ที่เพิ่มขึ้น : น้ำมันเมล็ดฟักทองและไวน์ชิลแชร์จากสทีเรีย ,ช็อกโกแลตโมสาร์ตของแท้จากซาลสบูรก์ , ขนมเค้กซาคเคอร์ที่มีชื่อเสียงของเวียนนา , ขนมปังเซาเนอร์สโตลเลนจากบาดอิชเชิล , ไวน์ชั้นดีจากบูร์เก็นลันด์และรัฐโลเวอร์ออสเตรียรวมทั้งชนัปส์และบรั่นดี ทุกชนิดผลิตภัณฑ์แบบฉบับเฉพาะของออสเตรียน – สิ่งทอ , ศิลปวัตถุ สินค้าหัตถกรรมและ อาหาร – คือของขวัญและของที่ระลึกที่สมบูรณ์แบบ

รู้ลึก-รู้จริงพระราชวังต้องห้าม กู้กง กับทัวร์จีน

china-39

มีใครสงสัยบ้างเอ่ยว่าทำไมสถานที่ท่องเที่ยวของจีนแห่งหนึ่งจึงชื่อว่า “พระราชวังต้องห้าม  และต้องห้ามเพราะอะไร ? วันนี้ทัวร์จีนจะเฉลยให้คุณเอง

 สถานที่ตั้งของพระราชวังโบราณแห่งนี้แต่เดิมนั้นก็คือ พระราชวังหลวงของราชวงศ์หยวนแห่งมองโกล ซึ่งต่อมาเมื่อราชวงศ์หยวนล่มสลายลงแล้วมีราชวงศ์หมิงขึ้นมาแทน จักรพรรดิพระองค์แรกของราชวงศ์หมิง จักรพรรดิหงอู่ได้ย้ายเมืองหลวงจากปักกิ่งไปนานกิงและดำริให้รื้อถอนพระราชวังออก ซึ่งต่อมาเมื่อพระราชโอรสของพระองค์ จักรพรรดิหย่งเล่อได้ขึ้นครองราชย์ พระองค์ก็ได้ย้ายเมืองหลวงกลับปักกิ่งดั่งเดิม และทรงสั่งให้ก่อสร้างพระราชวังใหม่ขึ้นในปี พ.ศ. 1949 ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นพระราชวังต้องห้ามแห่งนี้

         ต่อมาในปี พ.ศ. 2187 ได้เกิดจลาจลขึ้นทำให้พระราชวังสมัยราชวงศหมิงเสียหายไป และเมื่อราชวงศ์ชิงขึ้นครองอำนาจต่อจากราชวงศ์หมิง ทางราชวงศ์ชิงก็ได้ก่อสร้างสร้างขึ้นมาใหม่บนฐานสิ่งก่อสร้างเดิม ทำให้พระราชวังกลายมาเป็นจุดศูนย์กลางอำนาจของจีนอีกครั้งหนึ่งเรื่อยมาจนถึงการล่มสลายของราชวงศ์ชิง และการเปลี่ยนมาเป็นระบอบสาธารณรัฐ

          พระราชวังต้องห้าม จากชื่อภาษาจีน แปลตามตัวอักษรได้ว่า “เมืองต้องห้ามสีม่วง” พระราชวังต้องห้ามตั้งอยู่ใจกลางของกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีน เป็นพระราชวังหลวงมาตั้งแต่สมัยกลางราชวงศ์หมิงจนถึงราชวงศ์ชิง พระราชวังต้องห้ามยังรู้จักกันในนาม พิพิธภัณฑ์พระราชวัง ครอบคลุมพื้นที่ 720,000 ตารางเมตร อาคาร 800 หลัง มีห้องทั้งหมด 9,999 ห้อง และมีพระที่นั่ง 75 องค์ ใช้ระยะก่อสร้างประมาณ 14 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 1949 จนถึง พ.ศ. 1963

           พระราชวังต้องห้ามตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจัตุรัสเทียนอันเหมิน นักท่องเที่ยวสามารถเข้าสู่พระราชวังต้องห้ามได้ทางจตุรัสนี้ ผ่านประตูเทียนอันเหมิน บริเวณรอบจตุรัสเทียนอันเหมิน เรียกว่า อาณาเขตหลวง โดยมีสิ่งก่อสร้างสำคัญอยู่โดยรอบ เช่น มหาศาลาประชาคม หอพระสมุด ห้องหับต่างๆอีกมาก รวมทั้งยังมีสวน ลานกว้าง ทางเดินเชื่อมกันโดยตลอด ในอดีตภายในเป็นที่ประทับของจักรพรรดิ โดยมีสนมกำนัล ขันที และข้าหลวงรับใช้ ซึ่งคนเหล่านี้ต้องอาศัยอยู่ในนครต้องห้ามตลอดชีวิต เพื่อความสำราญของจักรพรรดิ ในวังจะมีวิเสท 6,000 คน ประกอบพระกระยาหาร มีสนมกำนัล 9,000 นาง ซึ่งมีขันที 70,000 คน คอยดูแลให้ มีคำเล่าลือกันว่า พระนางซูสีไทเฮา เวลาเสวยก็จะมีพระกระยาหารถึง 148 ชุด และทรงส่งขันทีไปเสาะหาชายหนุ่มซึ่งเข้าวังแล้วจะไม่มีผู้ใดพบเห็นอีกเลย

           แม้ว่าประเทศจีนจะไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว พระราชวังต้องห้ามก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของประเทศจีน และภาพประตูเทียนอันเหมินก็ยังปรากฏอยู่ในตราประจำสาธารณรัฐประชาชนจีนอีกด้วย นอกจากนี้ พระราชวังต้องห้ามยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งไม่นานมานี้ ทางรัฐบาลจีนได้มีนโยบายจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวเพื่อจะอนุรักษ์สภาพของอาคารและสวนหย่อมไว้

            ยูเนสโกได้ประกาศให้พระราชวังต้องห้ามร่วมกับพระราชวังเสิ่นหยางเป็นหนึ่งในมรดกโลกในนาม พระราชวังหลวงแห่งราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงในปักกิ่งและเสิ่นหยาง เมื่อ พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987)

             พระราชวังต้องห้ามเป็นที่รู้จักในหลากหลายชื่อ ในภาษาจีนนั้น ชาวจีนจะเรียกพระราชวังต้องห้ามว่า กู้กง ซึ่งแปลว่า พระราชวังเก่า นอกจากนี้ คำนี้ยังใช้เรียกพระราชวังเก่าตามเมืองต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วไปในประเทศจีนด้วย

            ส่วนคำที่เรารู้จักกันดีว่า “พระราชวังต้องห้าม” นั้น แปลมาจากภาษาจีน จื่อจิ้น เฉิง ซึ่งแปลตามตัวอักษรได้ว่า “เมืองต้องห้ามสีเลือดหมู” ด้วยเหตุที่ว่า ห้ามสามัญชนเข้าไปในบริเวณวังหลวงโดยเด็ดขาด และสีเลือดหมูนั้นเป็นสีอาคารและหลังคาโดยทั่วไป

ทัวร์ฮ่องกงย้ำ! สถานที่เที่ยวใน “ฮ่องกง” ที่ไม่ควรพลาด

“ฮ่องกง” นับเป็นเขตปกครองพิเศษของประเทศจีนค่ะ ทำให้มีชาวจีนอาศัยอยู่มาก วัฒนธรรมของจีนจึงหล่อหลอมรวมอยู่ที่นี่ สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคงหนีไม่พ้น “วัด” ซึ่งใน “ฮ่องกง” มีวัดที่ขึ้นชื่อและได้รับความนิยมอยู่หลายที่ด้วยกัน ทัวร์ฮ่องกงเลยขอพาเที่ยวแบบชิวๆ ใครอยากไปตามมาเลย
•     วัดหม่านโม๋ เป็นวัดเก่า อยู่บนถนน Hollywood Road วัดแห่งนี้เป็นวัดในลัทธิเต๋า เพื่อเป็นที่สิงสถิตย์ของเทพเจ้า 2 องค์ นั่นคือ เทพเจ้าหม่าน และ เทพเจ้าโม๋    เทพเจ้าหม่าน เป็นเทพเจ้าแห่งวรรณกรรม หรือ เทพเจ้าแห่งอักษรศาสตร์ ผู้คนจึงมากราบไหว้เพื่อขอให้ลูกหลานของตนมีสติปัญญาฉลาด ปราชญ์เปรื่อง ส่วนเทพเจ้าโม๋นั้น ผู้คนจะมากราบไหว้เพื่อขอให้ลูกหลานของตนสุขภาพแข็งแรงและกล้าหาญ เพราะเชื่อกันว่าเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามนั่นเอง ภายในวัดหม่านโม๋นั้น จะฟุ้งไปด้วยธูปกำยานแบบขดทั่วทั้งบริเวณ เปิดให้เค้าชมและกราบไหว้ตั้งแต่เวลา 06.00 – 18.00
•     วัดหวังต้าเซียน ถือเป็นวัดดังในฮ่องกงเลยทีเดียวเชียว ใครที่มาเยือนฮ่องกงแล้วไม่มาที่นี่ ก็เหมือนมาไม่ถึงนะ วัดแห่งนี้ถูกใช้เป็นฉากในภาพยนตร์จีนมาแล้วหลายเรื่องเลยแหละ คอหนังจีนคงพอจะคุ้นกันอยู่บ้าง    แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดที่คนจากทั่วประเทศแห่กันมาไหว้ที่วัดแห่งนี้หรอก เพราะวัดหวังต้าเซียนนั้น ขึ้นชื่อเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์มาก ตามประวัติ “หวังต้าเซียน หนุ่มเลี้ยงแกะที่บำเพ็ญเพียรภาวนาจนได้เป็นพระโพธิสัตว์ สามารถดลบัลดาลให้พรตามที่ขอทุกประการ” ด้วยสาเหตุนี้ วัดแห่งนี้จึงไม่เคยร้างราไปด้วยผู้คนเลย มีแต่จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกวัน     ผู้คนที่มาขอพรจะกราบไหว้และเดินรอบสระบัว 3 รอบเพื่อขอพร แต่ขอแนะนำว่า ไม่ต้องซื้อธูปเทียนที่ขายอยู่หน้าวัด เพราะในวัดเค้ามีบริการฟรีแหละ เอาเงินเก็บไว้ไปทำบุญดีกว่า  วัดหวังต้าเซียนเปิดให้ผู้คนเข้าได้ตั้งแต่ 07.00 – 17.00 น.
•    สำนักชีฉีหลิน เป็นสำนักชีนิกายมหายาน เป็นสถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์ถัง จุดเด่นของสำนักแห่งนี้อยู่ที่การสร้างโดยไม่ใช้ตะปูสักตัวเดียว เมื่อเดินเข้ามาด้านใน บอกได้คำเดียวเลยว่า สงบมาก บรยากาศทั้งหมดประกอบกันอย่างลงตัว ทั้งสระบัวขนาดใหญ่ ต้นบอนไซตัดแต่งสวยงาม สวนหินที่เป็นธรรมชาติ วิหารที่สามารถนั่งสมาธิผ่อนคลาย อ่านหนังสือได้ และที่สวยมากคือเจดีย์ทองคำ ที่สะท้อนกับแสงแดดแล้ว ประทับใจมากๆค่ะ สำนักชีฉีหลินเปิดทุกวัน ยกเว้นวันพุธ
•     วัดโปลิน ถ้ามาที่วัดนี้แล้ว ต้องขึ้นเขาไปสักการะพระใหญ่ประจำวัดค่ะ พระใหญ่องค์นี้เป็นปรางค์ประทานพรนั่งสมาธิ ทำจากแผ่นทองสัมฤทธิ์หนัก 250 ตันเลยนะ สูงถึง 34 เมตร ใหญ่ขนาดนี้ใช้เวลาสร้างนานถึง 10 ปีเลย  ไปฮ่องกงทั้งที ต้องไปเยือนสักครั้ง
•     วัดเจ้าแม่กวนอิม เป็นวัดที่คนนิยมมาไหว้ขอพรกันเป็นประจำ ว่ากันว่า วัดเจ้าแม่กวนอิมแห่งนี้ ขออะไรมักจะสมหวังทุกเรื่อง ทำให้ถูกร่ำลือกันถึงความศักดิ์สิทธิ์ เป็นอีกที่นึงที่เมื่อมาถึงฮ่องกงแล้วต้องมา ในบริเวณใกล้กับวัด จะเป็นชายหาดเรียบขาวสะอาด ทำให้บรรยากาศโดยรอบแผ่ความสดชื่นแจ่มใสเข้ามาถึงบริเวณวัดเลย